|
"มีเวลา..มากราบกู..อยู่บ้านแค.
ชีวิตแย่..แค่มาขอ..ก็จะหาย.
ถ้าไม่ว่าง.อยู่ห่างไกล..ไม่สบาย
จุดธูปเทียน..น้อมถวาย.ไม่ต่างกัน
จะอยู่ไหน..ไกลใกล้.จะไปถึง
ขอแค่มึง.มั่นศรัทธา.อย่าแปรผัน.
จะติดตาม.เป็นดั่งเงา.เฝ้าป้องกัน
แค่ยึดมั่น..เป็นศิษย์กู.พระครูกวยขอบารมี.หลวงพ่อกวย.ปกป้องคุ้มครองทุกคน"
เรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม
วัดหนองโพ
เมื่อหลวงพ่อออกจากวัดหนองแขมแล้ว
ได้ไปจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย
อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
ได้มาเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม
วัดหนองโพ
ได้เรียนวิชาทำ
แหวนแขน, ตะกรุด,
มีดหมอ และอื่นๆ
ศิษย์ร่วมรุ่นของหลวงพ่อที่เป็นที่รู้กันคือ
หลวงปู่พิมพา
วัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย
จากคำบอกเล่าจากพระภิกษุแบนและพระหลวงตา
ตลอดจนศิษย์รุ่นเก่าได้พูดตรงกันว่า
หลวงพ่อกวยตอนที่อยู่ที่วัดก็เป็นพระที่มีอาคมเหมือนพระทั่ว
ๆ ไป
แต่เมื่อท่านกลับมาจากเรียนวิชาจากเมืองเหนือ
(หมายถึง นครสวรรค์)
เมื่อท่านกลับมาท่านเก็บตัว
พูดน้อย
มีจิตมหัศจรรย์
วาจาสิทธิ์
เรื่องที่หลวงพ่อไปเรียนวิชามากับหลวงพ่อเดิมนี้
มีหลักฐานคือมีรูปถ่ายของหลวงพ่อเดิม
มีจารด้วย
เป็นรูปถ่ายพรรษาท้ายๆของหลวงพ่อเดิมลายมือ
พบในกุฏิของหลวงพ่อ
หลักฐานอีกอย่างหนึ่งคือ
ลุงหล่อน
คนสักยันต์แทนหลวงพ่อ
ตอนนั้นลุงหล่อนได้ทำบุญเเละได้รูปหลวงพ่อเดิมมาสองรูปกับเเหวนหลวงพ่อเดิมหนึ่งวง
รูปนั้นเป็นรูปหลวงพ่อเดิมพรรษาท้ายๆ
อีกรูปเป็นรูปหลังเเววหางนกยูง
ข้อมูลจากลุงหล่อน
ได้กรุณาเล่าว่า
สมัยนั้นเดินไปกับหลวงพ่อ
ตอนนั้นลุงยังหนุ่มๆอายุยี่สิบเศษๆ
เดินเท้าจากบ้านเเคไปตาคลี
ใช้เวลาหนึ่งวัน
ไปค้างที่วัดหนองโพสามคืน
ลุงหล่อนได้คุยเเละนวดให้หลวงพ่อเดิมด้วย
ลุงบอกว่าหลวงพ่อเดิมนั้นใจดี
มีเมตาตามาก
หลวงพ่อกวยเคยขอเรียนวิชาทำทอง
เล่นแร่แปรธาตุ
แต่หลวงพ่อเดิมไม่สอนให้
ท่านจึงเรียนมาเท่านั้น
การสักยันต์
ต่อมาเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
หลวงพ่อกลับมาอยู่วัดบ้านแค
หลวงพ่อได้ทำการสักให้ศิษย์
มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
ขนาดสักกันทั้งกลางวันกลางคืน
ทางเดินสมัยก่อนต้องเดินเท้าเอา
ลำบากมาก
อย่างดีก็ขี่จักรยาน
รถ ๒ แถว มีเข้าวัด ๑
คัน ออก ๑ คัน
เท่านั้น
มีศิษย์สักมาก
ได้จดบัญชีไว้ ๔
หมื่น ๔ พันคน ต่อมา
หลวงพ่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา
หลวงพ่อได้หยุดสัก
เปลี่ยนมาทำพระเเละแต่เรื่องรางของขลัง
เช่น ตะกรุด, มีดหมอ,
แหวนแขน เป็นต้น
ช่วงนั้น
ข้าวยากหมากเเพง
โจรร้ายเต็มบ้านเมือง
โดยเฉพาะ
เเถวภาคกลางตอนล่าง
เเถบนครสวรรค์ ชัยนาท
อ่างทอง สุพรรณบุรี
เป็นเเหล่งกบคานของก๊กเสือร้ายหลายกลุ่ม
ชาวบ้านเเคก็ได้อาศัยบารมีหลวงพ่อเพื่อคุ้มครองครอบครัวเเละทรัพย์สิน
ของมีค่าต่างๆ
ก็จะเอามาฝากหลวงพ่อที่วัด
ลูกเมียก็จะมาขอนอนที่วัดเพราะกลัวโจรฉุด
วัวควายก็พากันเอามาผูกในลานวัด
จากคำบอกเล่าของคนเก่าๆที่บ้านเเค
เล่าว่า พวกโจร
เสือต่างๆไม่มีใครกล้ากับหลวงพ่อ
มีอยู่รายนึงเป็นเสือมาจากอ่างทอง
พาสมุนล้อมวัดบ้านเเคตอนกลางคืน
เห็นว่าวัวควายของชาวบ้านที่ลานวัดมีเยอะมาก
เเต่ก็โดนตะพดหลวงพ่อจนต้องรีบพาสมุนกลับเเละก็ไม่มาเเถวบ้านเเคอีกเลย
เขาว่าในสมัยนั้นเมื่อเสือ
เดินผ่านวัดหลวงพ่อ
ต้องยิงปืนถวายทุกครั้ง
พระสมเด็จปรกโพธิ์ที่มีรูปนางพระธรณีบีบมวยผม
และสมเด็จปรกโพธิ์หลังมียันต์
ของหลวงพ่อกวย
ชุตินฺธโร
ท่านเคยพูดว่า
ได้แก่ตอนพระพุทธเจ้าเรียกนางแม่ธรณี
มาช่วยผจญมาร
พระพิมพ์นี้ใครมีไว้บูชาจะค้าขายดี
จะร่มเย็นเป็นสุขและจะร่ำรวย
ถึงจะมีคนอิจฉาริษยาเรา
ก็จะสู้เราไม่ได้เลย
แม้ใครจะคิดทำร้ายเราก็จะแพ้ภัยตัวเอง
ทำร้ายเรามิได้เลย
ใครที่มีพระสมเด็จรุ่นนี้
ขอให้เก็บรักษาไว้ให้ดีอย่าให้ผู้อื่นเสียหมด
ต่อไปจะเสียใจ
แม้ท่านเป็นถ้อยเป็นความกับผู้อื่น
หรือมีศัตรู
เวลาอาราธนาพระติดตัว
จงอาราธนาพระพิมพ์นี้ด้วยพระคาถา
อัญเชิญพระแม่ธรณีให้มาช่วย
คาถานี้ว่าดังนี้ โพ
อะ วะ นิ ตะ ละ ๓ จบ
แล้วท่านก็เอาติดตัวไป
จะซื้อง่ายขายคล่อง
ศัตรูจะไม่อาจทำอันตรายต่อท่านได้เลย
เพราะท่านมีพระแม่ธรณีรักษา
พระแม่ธรณีนี้เป็นเทพผู้รักษาแผ่นดิน
ใครจะไปใครจะมา
ก็ต้องเดินบนแผ่นดินมาทั้งนั้น
ไม่ได้เหาะเหินเดินอากาศมา
ก็จบคำพูดของหมอเฉลียวไว้เท่านี้
ขอบคุณมากอุตส่าห์ให้คาถาเรียกพระแม่ธรณีมา
แม้จะเขียนให้มาเป็นภาษาขอมก็ยังต้องขอบคุณอยู่ดี
พระคาถานี้หลวงพ่อได้เขียนเอาไว้ในตำราการทำน้ำมนต์ชนะศัตรู
หลวงพ่อเขียนไว้ว่า
ใช้คาถานี้เรียกนางแม่ธรณีให้มาช่วย
ถ้าไม่มาอกแตกตาย โพ
อะ วะ นิ ตะ ละ
ต่อไปเป็นคาถาชื่อ
มนต์ธรณีปริตร หรือ
มนต์พระแม่ธรณี
บางคนเรียกคาถานี้ว่า
คาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร
ใช้ทำน้ำมนต์รดอาบจะชนะศัตรูพระคาถานี้ให้ท่องบ่นหลังจากบอกเล่าอัญเชิญพระแม่ธรณีแล้ว
๓ จบ
คาถานี้ถ้าจะทำน้ำมนต์
ต้องกล่าวคาถาชุมนุมเทวดาก่อน
คาถานี้ขณะที่ติดอยู่กับโซ่ตรวนห้ามท่องบ่น
เพราะเป็นคาถามีอยู่ในตำราพิชัยสงคราม
เป็นเสนียดต่อโซ่ตรวน
พระคาถานี้มีอุปเท่ห์การใช้ดังนี้คือ
ใช้ทำน้ำมนต์ชนะศัตรูได้
เขียนชื่อศัตรูทำไส้เทียน
ศัตรูจะแพ้ภัยได้
เขียนชื่อศัตรูใส่กระดาษเอาใส่ในก้อนข้าวเสกด้วยคาถานี้
เอาไปโยนให้สุนัขกิน
สุนัขพูดไม่ได้
ศัตรูจะแพ้เรา
เขียนชื่อศัตรูลงบนแผ่นอิฐเสกด้วยคาถานี้
เอาอิฐไปถ่วงน้ำ
ศัตรูจะพูดไม่ออกจะแพ้เรา
คาถานี้ทำน้ำมนต์รดไล่ผี
ผีอยู่มิได้
อุปเท่ห์การใช้พระคาถานี้ยังมีอีก
๑ ใน ๑๐ ส่วน
ผมไม่อาจถ่ายทอดออกไปได้หมด
เพราะเป็นมนต์มืด
หรือไสย์ดำ
เพราะในตำราเล่มใหญ่ที่ผมลักเรียนมายังได้พูดไว้ว่า
ห้ามถ่ายทอดกับศิษย์ฆราวาส
ฉะนั้นอุปเท่ห์การใช้จึงถ่ายทอดให้ไว้ได้เพียงนี้
แต่ตัวคาถานี้ให้ไว้ทุกตัวอักษร
คาถานี้ใครได้ไว้ขอให้รักษาให้ดี
ใครที่จะเรียนเอาไว้ให้จุดธูป
๙ ดอก
บอกเล่าหลวงพ่อก่อน
ให้หารูปหลวงพ่อไว้บูชาด้วย
พระคาถาว่าดังนี้
ตัสสา เกสีสะโต
ยะถาคังคา โลตัง
ปะวัตตันติ มาระเสนา
ปะติฐฐาตุง
อะสักโกนโต ปะลายิงสุ
ปะระมิตา นุภาเวนะ
มาระเสนะ ปะราชิตา
ทิโสทิสัง ปะลายันติ
วิทังเสนติ อะเสละโต
หลวงพ่อเจ้ย (พระครูสังฆรักษ์) อิสสฺโร
หรือ จอมโจรมเหศวรตัวจริง วัดห้วยเจรืญสุข ต.พักทัน อ.บางระจัน
จ.สิงห์บุรี ศิษย์พี่หลวงปู่กวย (พร บางระจัน สำนึกข้าวก้นบาตร หลวงพ่อมิเสื่อมคลาย จำเป็นต้องพูดความจริงให้เด็กรุ่นหลังได้รับรู้ข้อมูลที่แท้จริง ว่าหลวงพ่อของลูกยิ่งใหญ่แค่ไหน
ว่าพระขี่ม้า พกปืนลูกโม้ 5 นัดที่เอวขวา มีดหมอพ่อเดิมเอวซ้าย
มีเณรน้อยนั่งหลัง รับกิจนิมนตร์จากญาติโยม )
|
|
|
พระคาถาบูชาหลวงพ่อเจ้ย
(พระครูสังฆรักษ์) อิสสฺโร หรือจอมโจรมเหศวร
ตัวจริง
วัดห้วยเจรืญสุข
ต.พักทัน อ.บางระจัน
จ.สิงห์บุรี คาถาบูชา
อะหังวันทามิ
หลวงพ่อเจ้ย
อิสสฺโร
มหาเถโรนามะ
สิทธิกิจจัง
สิทธิกัมมัง
สิทธิเตโชนิรันตะรัง
สิทธิลาโภชโยนิจจัง
สัพพะสิทธิภะวันตุเม |
|
มรณภาพ
ในเดือนมีนาคม พ.ศ.
๒๕๒๒
หลวงพ่อได้วงปฏิทิน
วันที่ท่านเริ่มเจ็บเอาไว้ด้วยสีน้ำเงิน
และวงปฏิทิน
วันที่ท่านมรณภาพเอาไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดง
คือวันที่ ๑๑ มีนาคม
และ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๒
พร้อมทั้งเขียน
พระคาถา นะโมตาบอด
ให้ไว้เป็นคาถาแคล้วคลาดและกำบัง
หลวงพ่อเขียนว่า "อาตมาภาพพระกวย
" นะตันโต นะโมตันติ
ตันติ ตันโต นะโม
ตันตัน" จะมรณภาพ
วันที่ ๑๑ เมษายน
เวลา ๗ นาฬิกา ๕๕
นาที" พอวันที่ ๑๑
มีนาคม
หลวงพ่อก็ล้มป่วย
ไม่มีโรคอะไร
เพียงแต่ไม่มีกำลัง
ฉันอาหารไม่ได้
ไม่ยอมไปโรงพยาบาล
มีอาการไข้แทรก
ฉันอาหารแทบไม่ได้เลย
ไม่มีรสชาติ
บางครั้งท่านพ่นข้าวออกจากปาก
ไม่ยอมฉัน
แล้วหยิบแผ่นตะกรุดขึ้นมาจาร
บางครั้งก็จับสายสิญจน์
ปลุกเสกวัตถุมงคล
กลางคืนก็จับสายสิญจน์ปลุกเสกวัตถุมงคล
บางคืนถึงสว่าง
ร่างกายของท่านปกติก็ผอมมากอยู่แล้วกลับผอมหนักเข้าไปอีก
วันที่ ๑๐ เมษายน
กลางคืนมีศิษย์มาเฝ้าท่านเต็มไปหมด
ตอนเช้ายิ่งมาก
เพราะท่านจะมรณภาพ
แต่ท่านก็ไม่มรณภาพ
ท่านผอมมากมีแต่หนังหุ้มกระดูก
มีแต่ประกายตาที่สดใสเท่านั้น
จนกระทั่งตกกลางคืนท่านก็ไม่มรณภาพ
ค่อนสว่างวันที่ ๑๒
เมษายน ๒๕๒๒
ทางกรรมการวัดและศิษย์ใกล้ชิดได้ประชุมปรึกษากันว่า
สงสัยในกุฏิท่านจะลงอาถรรพณ์เอาไว้
ตลอดจนตำราอักขระเลขยันต์
ตลอดจนรูปครูบาอาจารย์
คงจะไม่มีใครกล้ามารับท่านแน่
อยากเห็นท่านไปดี
จึงปรึกษากัน
นำท่านออกมาที่หอสวดมนต์
เมื่อเตรียมที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
อุ้มท่านมาจำวัดที่เตียงที่หอสวดมนต์
ท่านลืมตาขึ้นเป็นการสั่งลา
ครั้งสุดท้าย
แล้วหลับตาพนมมือเกิดอัศจรรย์
ระฆังใบใหญ่ที่หอสวดมนต์ได้ขาดตกลงมา
ดังหง่าง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ดังยาวนาน
ศิษย์ที่อยู่ศาลาเข้าใจว่าท่านมรณภาพแล้ว
โพธิ์ 9
ต้านลูกซอง (หลวงปู่เล่าให้ฟัง
สามเณร พร
สุขเลี้ยง 2511-2517))
พระสมเด็จปรกโพธิ์ 9
ใบ ของหลวงปู่กวย
ชุตินธโร
แห่งวัดบ้านแค
อำเภอสรรค์บุรี
ด้านหลังจะมียันต์เฉพาะตัวของท่าน
คือนะโมพุทธายะ
จะมีทั้งยันต์จม -
ยันต์นูน
และมีอีกแบบหนึ่ง
คือเป็นรูปพระแม่ธรณีบีบหมวยผม
ทั้ง3 แบบ มีทั้งบอก
พ.ศ.ที่สร้าง คือ
พ.ศ.2513 และไม่บอก
พ.ศ.
หลวงปู่ใช้เวลาทำถึง
2 ปี ทำครั้งแรกๆ
บรรจุผงตะไบของสมเด็จพระสังฆราช แพ วัดสุทัศน์เทพวราราม
บรรจุแร่อุกาบาท
บรรจุเพชรหน้าทั่ง
เกษาผู้บุญญาธิการสูง
เกษาครูบาอาจารย์ท่าน
เกษาท่าน
มวลสารอื่นๆอีกมาก
โดยยัดใส่ใว้ภายใน
ต่อเมื่อทำไปเรื่อยๆ
ของวิเศษเริ่มหลือน้อยลง
หลวงปู่จึงใช้ผงล้วนๆสีขาวทำ
เฉพาะสีขาวและสีดำนั้นท่านได้แจกให้ศิษย์ออกไปจนหมด
สีดำนั้นท่านใช้ผงใบลานทำ
อีกเนื้อหนึ่งที่ท่านแจกออกไปจนหมดคือ
เนื้อผสมผงตะไบของสังฆราชแพ
ได้มาจากพระครูละมูล
คราวไปปรกเสกพระให้พระครูละมูล
ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม
เมื่อท่านแจกออกไป
ท่านจะพูดว่าพระนี้
มีเกษาของผู้มีบุญญาธิการสูง
ผสมอยู่ รักษาให้ดี
ถ้า
ท่านพูดกับศิษย์ใกล้ชิด
ท่านจะพูดว่าพระสมเด็จปรกโพธิ์
เขาดี
อยู่ที่ไหนก็ร่มเย็น
ไม่มีใครรังเกียจ
ส่วนสีนั้น มีสีดำ
สีขาว สีน้ำตาล
สีชมภู สีพิกุล
สีเขียวอ่อน สีขาวเนื้อแตกลายงา สีว่านสบู่เลือด คือใช้ว่านผสมทำ
เห็นได้ชัด
สีที่พบมากที่สุดคือ
สีพิกุลมีเกษรดอกไม้เป็นส่วนผสม
พระชุดนี้มีน้ามันตังอิ๊ว
เป็นส่วนผสม
จึงไม่ค่อยเก่า
ถ้าใช้โดนเหงื่อเล็กน้อย
จะเป็นมัน หนึบแน่น
พระที่สร้างจำนวนมากนี้
ท่านไม่ค่อยแจกให้ใคร
จะแจกเพื่อทดสอบสรรพคูณ
เท่านั้น ที่แจกออกไป
มากที่สุดคือพิมพ์ปรกโพธิ์
9 ใบ แจกมากถึงประมาณ
300-400 องค์
หลังจากนั้นท่านก็ไม่แจกใครอีกเลย
ท่านได้แต่พูดว่า ผู้มีบุญในยุคของท่านมีเท่านี้
ต่อไปในวันข้างหน้าเจ้าของเขาจะมาเอาไปเอง ท่านได้พุดกับศิษย์ใกล้ชิด
เอาใว้
ท่านได้บรรจุใส่กล่อง
มัดใว้อย่างดี
ปีต่อมา ท่านจึงได้ทำ
สมเด็จหลังรูป
รุ่นสุดท้าย
เพื่อออกแจก..ส่วนวัตถุมงคล
ที่เป็น ตะกรุด ปลัด
ปรอด ท่านได้บรรจุ
ใว้1 หลัง ใหญ่
มัดแน่นหนา
เขียนเอาใว้ว่า
ใครเปิดตาแตก อย่าเอาของๆฉันไปเปรียบของบุคคลอื่น เพราะมันคนระดับ ฉันนะของจริง ฉันขอให้เธอทั้งหลายที่เกิดไม่ทันหลวงพ่อกวย แต่มีความเลื่อมใส ศรัทธา ขอให้ท่านจงมั่นใจว่า หลวงพ่อไม่ทิ้งท่านแน่นอน "ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอดอย่าอยาก อย่ายากอย่าจน อย่าต่ำกว่าคนอย่าจนกว่าเข"..ของแท้ราคาถูก ไม่มีนะครับ ...ส่วนของถูกมีทำขึ้นมาใหม่ ติดต่อบูชาได้ที่วัดบ้านแคครับ..มีหลายท่านถามผมว่าทำไมไม่ส่งพระหลวงปู่ เข้า ประกวดพระ ผมเรียนท่านทั้งหลายว่า ของเรานะลูกปู่ให้มากับมือ แล้วจะไปประกวดทำไม พวกคณะกรรมการ เกิดทันหลวงปู่ไหม เคยเข้าไปกราบหลวงปู่ตอนท่านชีวิต หรือไม่ เคยช่วยหลวงปู่ตำว่าน กดพิมพ์พระ ทองคำมันมีค่ากว่า ทองเหลือง ใครก็แล้ว แต่ที่บอกว่าเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ ถ้าไม่ได้สักยันต์กับท่าน ผมไม่ยอมรับ เพราะศิษย์ของท่านทุกคน ท่านจะสักยันต์ให้
พระสมเด็จปรกโพธิ์
9 ใบ
ของหลวงปู่กวย
ชุตินธโร
ท่านได้มอบหมายให้
พระและเณร ช่วยกันทำ
มีพระหล่อน
เป็นคนคุมงาน
ปั้มพระได้ 100 องค์
ให้พระ 1 องค์
เป็นค่าตอบแทน โดยมีการทำพุทธาภิเษก
ณ พระอุโอสถ
โดยมีศิษย์หลวงพ่อศรี
หลวงพ่อเดิม
หลวงพ่อเฒ่า
มาร่วมงาน เช่น
หลวงพ่อเจ้ย อิสสโร
วัดห้วยเจริญสุข ,
หลวงพ่อแพ
วัดพิกุลทอง,หลวงพ่อทอง
วัดพระปรางค์
,หลวงพ่อป่วน
(พระครูวิชัยวรคุณ)วัดโพธิ์งาม
ต.ดอนกำ อ.สรรคบุรี
จ.ชัยนาท, หลวงพ่อจวน
วัดหนองสุ่ม ตำบล
ดงคอน อำเภอ สรรคบุรี
ชัยนาท, หลวงพ่อพร้า
วัดโคกดอกไม้ ต.ดงคอน
อ.สรรคบุรี
จ.ชัยนาท,,หลวงปู่เย็น
ทานรโต
วัดสระเปรียญหลังจากเสร็จพิธี
พุทธาภิเษก
หลวงปู่กวย
ได้มอบให้หลวงพ่อเจ้ย
อิสสโร
ซึ้งหลวงพปู่กวยให้ความเคารพนับถือปลุกเสกเดี่ยวอีก
1 พรรษา
หลังจากนั้นท่านได้นำกลับไปวัดบ้านแค
และถ้าติดขัดคาถาอาคม
จะมาต่อวิชาสายหลวงพ่อเดิม
จากหลวงพ่อเจ้ย
เป็นประจำ บางครั้ง
ถ้าหลวงพ่อเจ้ย
เดินทางไปเยี่ยมลูกหลานท่าน
ที่ทุกกลับ
ท่านมักจะเดินทางไปเยี่ยมหลวงปู่กวย
ที่วัดบ้านแค
ซึ้งไม่ไกลกัน
เพราะหลวงพ่อเจ้ยท่านใช้ม้า
ในการเดินทาง
หลวงปู่กวย
จะเรียกหลวงพ่อเจ้ย
ว่า หลวงพี่
แต่พรรษา
ท่านแก่กว่าหลวงพ่อเจ้ย
หลวงพ่อเจ้ย
เรียกหลวงพ่อกวย ว่า
ไอ้กวย แสดงว่า
หลวงปู่กวยมีความอ่อนน้อมถ่อมตน
ไม่ถือพรรษา
จึงเป็นที่รักสำหรับหลวงพ่อเจ้ยเป็นอย่างมากก
ส่วนผสมของพระเนื้อดินทุกชนิด
ท่านจะผสมแร่วิเศษต่าง
ๆ และผงวิเศษต่าง ๆ
ของท่าน
แต่พระเนื้อผงบางรุ่นก็ผสมแร่วิเศษ
และผงวิเศษ เช่นกัน
บางพิมพ์มีเส้นเกศาของท่าน
และครูบาอาจารย์ของท่าน
พระพิมพ์ปรกโพธิ์
9 ใบ
มีเส้นพระเกศาของผู้มีบุญสูงมากผสมอยู่
แร่วิเศษนั้น
ท่านเอามาจาก
ดอนเจดีย์
ที่เขาสารพัดดี
อำเภอหันคา
ดินกลางใจเมืองสุโขทัย
แร่ที่เหมืองแม่เมาะ
ลำปาง
ปัจจุบันแร่นี้ยังมีอยู่ที่ตู้พิพิธภัณฑ์
ส่วนผงวิเศษนั้นท่านทำเอง
โดยใช้ดินสอพองผสมกับเครื่องยาที่ท่านปลูกเอง
ปลุกเสกเอง
รดน้ำด้วยอาคม
บางอย่างก็หาเอามา
เครื่องยาที่ท่านใช้ทำดินสอนั้น
มีดอกเสน่ห์จันทร์ทั้ง
5 ฝัก ราชพฤกษ์
เมล็ดมะกล่ำขาว
ดีทั้ง 5
ดีนี้เป็นดีของสัตว์
ท่านจะปลุกเสกเอาไว้
ถ้าบ้านไหนเกิดอาเพศหนัก
ๆ
ท่านจะให้เอาไปแขวนไว้หน้าบ้าน
จะแก้ได้
การปลุกเสก พระผง
ท่านจะปลุกเสกด้วยคาถาหลัก
คือ ปริตรมนต์
มนต์นี้เป็นของพระพุทธเจ้าโดยตรง
แก้โรคระบาดได้
แคล้วคลาดปลอดภัย
กันผีปีศาจได้
แก้อาเพท อาถรรพณ์ได้
นอกนั้นก็ปลุกด้วย
มนต์จินดามณี
และอื่นๆ เช่น
มนต์แม่ธรณี
มีพระอยู่พิมพ์หนึ่ง
คือ
สมเด็จหลังรูปเหมือนท่าน
ทั้ง 2 รุ่น
ท่านผสมด้วยผงผีเอาไว้
พระทั้ง 2 รุ่นนี้
กำบังดี
แต่บางครั้งอาจกวนเด็กได้
พระเนื้อดิน
ท่านจะผสมทรายเสกทุกรุ่น
ทรายเสกนี้ท่านปลุกเสกเอาไว้กันผี
กันวิญญาณได้
แคล้วคลาด พลางตาได้
(อย่าไปเชื่อเพราะเซียนพระ
บอกว่าพระสมเด็จปรกโพธิ์
9 ใบ
ทำจากโรงงาน
พวกนี้แย่มาก
รู้ดีกว่า พระ-เณร
ที่ช่วยกันทำ ทำไมรู้
เพราะฉันคือคนๆหนึ่งที่ช่วยกันทำ
ไม่อยากให้ใครมาบิดเบือน
googleนี้เก่งกว่าพระรู้ดีทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของตัวเอง)
..เรียนศิษย์พระเดชพระคุณหลวงปู่
สมัยหลวงปู่กวย ยังดำรงขันธ์ไม่เคยบังคับลูกศิษย์เรียนวิชา
ตรงกันข้ามมีคนมาฝากตัวเป็นศิษย์เยอะมาก
ท่านจะพิจารณาถ่ายทอดวิชาให้และสอนให้แค่เพียงวิชาเดียว
ส่วนศิษย์คนไหนอยากได้มากกว่านี้ก็ต้องไปต่อวิชากันเอง นั้นหมายถึงคนที่เป็นศิษย์ท่านไม่ได้รับการสืบทอดทุกคน
นับได้ ไม่ถึง10 องค์
สมัยนั้น..ถ้าสักยันต์
ท่านจะสักให้ทุกคน
ไม่เลือก คนรวยหรือจน
..สอนว่าศิษย์กูห้ามฆ่ากันเอง..คนๆนั้นจะแพ้ภัย..ส่วนตำรานั้นได้มีการถ่ายเอกสาร
แล้วแจกศิษย์สายตรง
หลังจากท่านมรณภาพ
...(บางสิ่งบางอย่างไม่เปิดเผยก็ไม่ได้)
โดยความรักและปราถนาดี
จากพร บางระจัน
๑.นายหล่อน
เเย้มทับ เรียน
วิชาสักยันต์
เปรียบเสมือนมือขวาหลวงปู่
เคยติดตามหลวงปู่
ไปวัดหน่องโพธิ์
ตอนหลวงปู่กวย
ขอเรียนวิชาจากหลวงพ่อเดิม ศิษย์ผู้สืบทอดวิชาสักกับหลวงพ่อ
พร้อมกับอาจาย์ทรง
เเละลุงทอด
ชื่อจริง นายหล่อน
เเย้มทับ
บ้านอยู่หน้าวัดบ้านเเค
เคยบวชเรียนเเละได้เรียนวิชากับหลวงพ่อ
เมื่อครั้งที่หลวงพ่อกวย
ไปหาหลวงพ่อเดิมครั้งสุดท้าย
ได้เดินไปกับตาหล่อนคนนี้เเละศิษย์อีกคน
สมัยบวชที่วัด
ครั้งนึงตาไปยืนดูหลวงพ่อสักยันต์ให้ลูกศิษย์
หลวงพ่อเห็นจึงถามว่า
อยากลองสักไหม
ตาบอกว่า อยากลอง
หลวงพ่อจึงให้ตาหัดลงเข็มเรื่อยมา
ส่วนหลวงพ่อทำหน้าที่เสก
เเละช่วงที่หลวงพ่อเลิกสัก
ก็ปล่อยให้ตาหล่อนเเละศิษย์คนอื่นสักเอง
เสกเอง
ตาหล่อนเป็นคนสุภาพ
พูดจานิ่มนวลเเละพูดน้อย
จะอาพัดข้าว
อาพัดน้ำทุกครั้งก่อนกิน
(ตาหล่อนไม่เคยสอนวิชาให้ใคร
เพราะหลวงปู่กวยสั่งห้ามใว้
)
2.หลวงปู่เย็น
ทานรโต
วัดสระเปรียญ
เรียน วิชาทำตัว "พ" "พ.พาน
สารพัดนึก" ใช้ก้านธูปทำเป็นตัว
พ พาน
3.พระอาจรย์ปลูก
อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยเจริญสุข เรียน
วิชาทำตัว "พ" "พ.พาน
สารพัดนึก" ใช้ก้านธูปทำเป็นตัว
พ พาน
4.หลวงพ่อแสวง
วัดหนองอีดุก
อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ขอเรียน
วิชาสักยันต์
หลวงปู่ให้สัก
เสือเผ่น อย่างเดียว
ศิษย์ที่รับการสักยันต์
ส่วนใหญ่จะเป็นเสือ
5.หลวงปู่ปรง
สาสโน
วัดห้วยเจริญสุข
จ.สิงห์บุรี เรียนวิชาทำตะกรุด-ผงปัดธัมมัง-ผงอิทธิเจ
หลวงปู่ปรงท่านจะให้ความเคารพต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างมาก
ถ้าท่านใดที่สักยันต์กับหลวงพ่อกวยมา
จะไม่เป่าหัวให้..ท่านจะไม่ลบหลู่ครูเด็ดขาด
และได้เรียนทำตะกรุดกับหลวงพ่อเจ้ย
อ้สสโร อีกด้วย
เพราะอยู่วัดเดียวกัน
หลวงปู่ปรงชอบเดินทางไปหลายที่
ไม่ค่อยอยู่วัด
เดิรลัดตามทุ่งนา
เพราะสมัยนั้น
รถรับจ้างไม่มี
มีแต่มอเตอร์ไซค์มีแค่คันเดียว
ทั้งตำบลพักทัน
ราคาก็จะแพง
ส่วนพระอาจารย์ตั้ว (พระอาจารย์สมุห์ภาสน์
สุมังคโร) วัดซับลำใยสามัคคี ไม่ได้รับการสอน
สักยันต์
เพราะตอนนั้นอาจารย์
ยังหนุ่มเกินไป
"ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอดอย่าอยาก อย่ายากอย่าจน อย่าต่ำกว่าคนอย่าจนกว่าเขา"..ของแท้ราคาถูก ไม่มีนะครับ ...ส่วนของถูกมีทำขึ้นมาใหม่ ติดต่อบูชาได้ที่วัดบ้านแคครับ..
หมายเหตุ : พระสมเด็จปรกโพธิ์
9 ใบ ปี
2513 ของหลวงปู่กวย
ชุตินธโร จึงเก่า
และ แกร่ง เก่า
เอาเนื้อพระกระทบกันจะมีเสียงดังกิ๊กๆๆ
เหมือนเอาเหล็กตีกัน
จะบูชาต้องระวัง
เพราะมีคนชอบแอบอ้าง
ส่วนของส่วนพระอาจารย์ตั้ว (พระอาจารย์สมุห์ภาสน์
สุมังคโร)
นั้นทำเลียนแบบ
หลวงปู่กวย
เนื้อจะออกสีน้ำมัน
อ่อนๆ ใหม่
เพราะได้เอาตำรา ๑
เล่ม
และบล็อกด้านหน้าพระปรกโพธิ์
๙ ใบ พิมพ์นิยม
ไปด้วย.
ข้อมูล พ่อหล่อน
แย้มทับ พ.ศ.2540
พระครูอนุกูลกัลยาณกิจ
(พระอาจารย์แก๊ส)
เจ้าอาวาสวัดห้วยเจริญสุข
ตำบลพักทัน
อำเภอบางระจัน
จังหวัดสิงห์บุรี
พระอาจารย์แก๊ส เกจิสายวิปัสสนาพองยุบ ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาแห่งเมืองสิงห์บุรี
ผู้ที่ได้เรียนวิชาอาคมจาก
สายหลวงปู่ศรี หลวงพ่อแพ
จากหพระครูวิริยะโสภิต วัดพระปรางค์
เจ้าคณะอำเภอบางระจัน วิชาการทำพระสมเด็จ
ชักยันต์ลงยันต์ เมตตาค้าขาย
หลวงปู่บุดดา
เรียนวิชา เสกแป้ง ผงปถมัง อิทธิเจ
หลวงปู่บุดดาหวงวิชานี้มาก สาย วิชาหลวงพ่อเดิม
หลวงพ่อเจ้ย
อิสสโร
หลวงพ่อกวย ชุตินธโร จาก
หลวงปู่ปรง สาสโน วัดห้วยเจริญสุข
วิชา คงกะพัน เมตตา
น้ำมนต์ จารตะกรุด
ทำมีดหมอ สายวิปัสสนากรรมฐาน
จากหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน วัตถุมงคล ที่ท่านสร้าง
จึงโด่งดัง เช่น
ตะกรุด
ทหารตำรวจ
3จังหวัดชายแดนใต้
เหนียวจริง
ยุงไม่ได้กินเลือด
แป้ง เสก
ค้าขายดีนักแลฯ
สุดยอดพระเกจิเมืองสิงห์
สืบสายวิชาอาคมของจริง
|
|